วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Tour de France

Tour de France

            Tour de France  หรือบางครั้งเรียกว่า La Grande Boucle และ Le Tour เป็นการแข่งขันจักรยานทางไกลรอบประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1903 จนถึงปัจจุบัน (เว้นการจัดแข่งขันในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง)


           Tour de France เป็นการแข่งขันจักรยานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เป็นการแข่งขันจักรยานทางไกลหนึ่งในสามรายการใหญ่ ที่จัดการแข่งขันในยุโรป รวมเรียกว่า แกรนด์ทัวร์ โดยอีกสองรายการคือ
 Giro d'Italia จัดในอิตาลี ช่วงเดือนพฤษภาคม-ต้นมิถุนายน
 Vuelta a España จัดในสเปน ช่วงเดือนกันยายน
การแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1903 เกิดขึ้นเนื่องจากการท้าทายกันทางหน้าหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสชื่อ  L'Auto มีนักแข่งเข้าร่วมจำนวนถึง 60 คน แต่สามารถเข้าเส้นชัยได้เพียง 21 คน ซึ่งกิตติศัพท์ของความยากลำบากในการแข่งขัน ทำให้การแข่งขันนี้เป็นที่สนใจ และมีผู้ชมการแข่งขันช่วงสุดท้ายในกรุงปารีส ตามสองฟากถนนระหว่างทางราว 100,000 คน และกลายเป็นประเพณี ที่การแข่งขันทุกครั้งจะไปสิ้นสุดที่ประตูชัย จตุรัสเดอเลตวล ปารีส
ในปี ค.ศ. 1910 เริ่มมีการจัดเส้นทางแข่งขันเข้าไปในเขตเทือกเขาแอลป์ ปัจจุบันเส้นทางการแข่งขันจะผ่านทั้งเทือกเขาแอลป์ ทางตะวันออก และเทือกเขาพีเรนีสทางใต้ของฝรั่งเศส
การแข่งขันตูร์เดอฟรองซ์จะแบ่งเป็นช่วง (stage) เพื่อเก็บคะแนนสะสม ผู้ชนะในแต่ละช่วงจะได้รับเสื้อ (jersey) เพื่อสวมใส่ในวันต่อไป โดยมีสีเฉพาะสำหรับผู้ชนะในแต่ละประเภท คือ
สีเหลือง (maillot jaune - yellow jersey) สำหรับผู้ที่ทำเวลารวมได้น้อยที่สุด
สีเขียว (maillot vert - green jersey) สำหรับผู้ที่มีคะแนนรวมสูงที่สุด (the leader of the points classification)
สีขาวลายจุดสีแดง (maillot à pois rouges - polka dot jersey) สำหรับผู้ชนะในเขตภูเขา ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่า จ้าวภูเขา King of the Mountains
สีขาว (maillot blanc - white jersey) สำหรับผู้ที่ทำเวลารวมได้น้อยที่สุดสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 26 ปี
สีรุ้ง (maillot arc-en-ciel - rainbow jersey) สำหรับผู้ชนะการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลก (World Cycling Championship) ซึ่งมีกฏว่าจะต้องใส่เสื้อนี้เมื่อแข่งขันในประเภทเดียวกับที่ผู้แข่งนั้นเป็นแชมป์โลกอยู่
เสื้อแบบพิเศษ สำหรับผู้มีคะแนนรวมสูงสุด และชนะการแข่งขันช่วงย่อย และจ้าวภูเขา


            Tour de France เป็นกีฬาที่จัดขึ้นประจำปีในเดือนกรกฎาคม อากาศกำลังสบาย เหมาะกับการขี่จักรยาน หากในบางปี อากาศร้อนจัด ผู้แข่งขันซึ่งเรียกในภาษาฝรั่งเศสว่า le coureur จะเหงื่อไหลไคลย้อย มากขึ้นไปอีก น่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วยความร้อนและความเหนื่อย

เมื่อถึงฤดูร้อน ชาวฝรั่งเศสเตรียมไปพักร้อนกันถ้วนหน้า เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม ครอบครัวใดมีลูกต้องรอ ให้ปิดเทอมเสียก่อนตอนต้นเดือนกรกฎาคม กรุงปารีสจึงร้างผู้คนในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม เพราะต้องผลัดกันไป ผู้ที่ไม่ได้ไปไหนในเดือนกรกฎาคม จะเฝ้าหน้าโทรทัศน์ เพราะมีการถ่ายทอด Tour de France

อองรี เดส์กรองจ์ (Henri Desgrange) ก่อตั้งหนังสือพิมพ์กีฬาชื่อ L'Auto-Velo แล้วเป็นคดีความกับหนังสือพิมพ์กีฬา Le Velo ก่อตั้งในปี 1892 อองรี เดส์กรองจ์ แพ้ความ จึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น L'Auto ส่วน Le Velo นั้นเปลี่ยนชื่อเป็น Le Journal de l'Automobile ในปี 1904 และเลิกไปในที่สุด

อองรี เดส์กรองจ์ประสบปัญหาการเงินจากการเป็นความกับ Le Velo จึงคิดหา วิธีหาเงินเพิ่ม จึงจัดการแข่งจักรยานในปี 1903 โดยให้ชื่อว่า Tour de France เพื่อแข่งกับการแข่งจักรยานเส้นทางปารีส-เบรสต์ (Brest)-ปารีสของหนังสือพิมพ์ Le Petit Journal และบอร์โดซ์-ปารีสของ Le Velo

Tour de France ครั้งแรกมี 6 ระยะด้วยกันคือ ปารีส ลิอง (Lyon) มาร์แซย (Marseille) ตูลูซ (Toulouse) บอร์โดซ์ (Bordeaux) นองต์ (Nantes) และกลับมาที่ ปารีส มีผู้เข้าแข่งทั้งหมด 60 คน แต่เข้าเส้นชัยเพียง 20 คน ผู้ได้รับชัยชนะคือโมริซ กาแรง (Maurice Garin) ในปี 1904 มีปัญหากระทบกระทั่งกับชาวบ้านในเส้นทางผ่านของผู้เข้าแข่ง

กฎประการหนึ่งของ Tour de France คือ หากเกิดปัญหาเทคนิค นักกีฬา ต้องแก้ไขเองเพียงลำพัง ผู้อื่นไม่สามารถให้ ความช่วยเหลือได้ นั่นเป็นปัญหาที่เกิดกับเออแจน คริสตอฟ (Eugene Christophe) ที่ถูกรถชนล้ม ทำให้เขาช้ากว่าผู้อื่นถึง 4




Tour de France ต้องงดหลังจากปี 1914 เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และกลับมาแข่งใหม่ในปี 1919 ซึ่งกำหนดให้ผู้ได้ รับชัยชนะให้สวมเสื้อสีเหลืองที่เรียกว่า maillot jaune ผู้ได้รับคนแรกคือ เออแจน คริสตอฟนั่นเอง ต่อมาในปี 1953 กำหนดมอบ maillot vert เสื้อสีเขียวแก่ผู้ที่สปรินต์ ได้เร็วที่สุด ส่วน maillot a pois เสื้อสีขาวจุดแดง มีขึ้นในปี 1975 มอบแก่ผู้ที่ชนะช่วง ที่เป็นภูเขา ส่วนเสื้อสีขาว maillot blanc กำหนดในปี 1970 มอบแก่นักกีฬาอายุต่ำกว่า 25 ปีที่ได้รับชัยชนะ

นักกีฬาที่หมอบบนจักรยานเป็นเวลา หลายชั่วโมงต้องมีร่างกายแข็งแรงเป็นเลิศ ทางโค้ง ทางชันขึ้นเขาลงเขา ล้วนอันตราย และเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมหลายครั้ง ด้วยว่ามีนักกีฬาที่เสียชีวิตระหว่างการแข่งขัน เช่น ล้มจนศีรษะกระแทกโขดหินจนเสียชีวิต หรือเหนื่อยจนขาดใจตายก็มี กีฬาย่อมนำมา ซึ่งการโด๊ปยา จนกลายเป็นเรื่องฉาว นักกีฬา บางคนถูกขับจากการแข่งขัน

การแข่ง Tour de France มีการรายงานสดทางโทรทัศน์ในทศวรรษ 1960 ปัจจุบันมีการถ่ายทอดสดทางวิทยุและโทรทัศน์ จึงตระหนักว่า Tour de France มิได้เป็นแต่การแข่งขันความเร็วเท่านั้น หากยังได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของเส้นทางแข่งขันด้วย คณะกรรมการผู้จัดเป็นผู้กำหนดเส้นทางซึ่งเปลี่ยนไปในแต่ละปี ผ่านเมืองใดสร้างความคึกคักให้เมืองนั้น

ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2009 มีกำหนดไปเที่ยวเมืองกอลมาร์ (Colmar) บังเอิญเป็นช่วงที่นักกีฬา Tour de France จะมาถึงเมืองกอลมาร์และออกสตาร์ทในวัน รุ่งขึ้น เป็นเส้นทางการแข่งขันระหว่างเมือง Vittel-Colmar และ Colmar-Besan"on อันที่จริง Tour de France ไม่เคยอยู่ในความสนใจ เห็นแต่ถีบจักรยานไปเรื่อยๆ จะตื่นเต้นตอนเข้าเส้นชัยอย่างเดียว หาก Tour de France มานำเสนออยู่ตรงหน้า จำต้องไปดูให้เป็นที่ประจักษ์

กอลมาร์เคยอยู่ในเส้นทาง Tour de France มาแล้วหลายครั้งกล่าวคือในปี 1931 เส้นทาง Belfort-Colmar 209 กิโลเมตรและ Colmar-Metz 192 กิโลเมตร ในปี 1949 Lausanne-Colmar 283 กม. Colmar-Nancy 137 กม. ในปี 1955 Metz-Colmar 229 กม. Colmar-Zurich 195 กม. ปี 1957 Metz-Colmar 223 กม. Colmar-Besan"on 192 กม. ปี 1997 Fribourg en Brisgau-Colmar 218.5 กม. Colmar-Montbeliard 175.5 กม. และปี 2001 Strasbour-Colmar 162.5 กม. Colmar-Pontarlier 222.5 กม.

กอลมาร์เป็นเมืองที่สวยน่ารักมาก โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเมืองเก่า-Vieille Ville บ้านแบบอัลซาส (Alsace) ติดๆ กันบนทาง เดินเล็กๆ ที่ไม่ให้รถวิ่ง จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว อันเป็นที่มาของร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมาย มื้อกลางวันราคาไม่แพงแถมอร่อยด้วย เมื่อใกล้วันที่ Tour de France จะมาถึง เทศบาลห้ามจอดรถในลานจอดรถ บางแห่งและถนนบางสาย สร้างความเดือดร้อนให้ชาวเมืองที่ต้องวนรถหาที่จอด ผู้ประกอบการค้าไม่สบอารมณ์นัก เพราะเกรงจะกระทบต่อกิจการ คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ นักท่องเที่ยวบางตาในสองวันที่มี Tour de France

วันที่นักกีฬามาถึงนั้นฝนตกตลอดบ่ายและอากาศเย็นมาก จนนักกีฬาต้องสวม เสื้อกันฝนและกันหนาว มัวแต่ไปเที่ยวนอกเมืองจึงพลาดการชมนักกีฬาเข้าเส้นชัย ทว่า ในวันรุ่งขึ้นไปจับจองที่ตั้งแต่ 9.30 น. เพราะคิดว่าจะปล่อยตัวนักกีฬาตอน 10.45 น. ทว่าเป็นความเข้าในผิดทั้งเพเพราะจะปล่อยตัวนักกีฬาเวลา 12.30 น. ถึงกระนั้นไม่ย่นย่อ

เนื่องจากเป็นวันเสาร์ชาวเมืองกอล มาร์จึงมาชมเต็มสองข้างทาง ได้ที่มั่นห่างจากเส้นสตาร์ทเพียงสิบเมตรโดยประมาณ ขณะรอนั้น บริษัทต่างๆ มาแจกสินค้า เช่น หมวกแก็ปสีฟ้าของ Bbox ในเครือของ Bouygues หมวกสีขาวของ Skoda หมวกใส่ นอนจาก Etap Hotel กระบังกันแดดของ Antargaz เครื่องดื่ม Recore ที่มีพนักงานแบกถังมารินใส่ถ้วย น้ำแร่ Vittel เป็นต้น นอกจากนั้น รถของหนังสือพิมพ์ L'Equipe มาจอดขายสินค้า ซึ่งมีทั้งร่ม ทีเชิ้ต เสื้อนัก กีฬาจักรยานที่เรียกว่า maillot เสื้อกันฝน ฯลฯ ทั้งยังตั้งแผงลอยข้างทางด้วย

ยิ่งสาย ผู้คนยิ่งเบียดเสียดจึงเกิดการวิวาท สาวไทยเกาะแผงเหล็กกั้นไว้แน่น เมื่อ มีผู้พยายามเบียดจึงได้เวลาเบียดกลับ ในวันนั้นเฟรเดริก มิตแตรองด์ (Frederic Mitterrand) รัฐมนตรีวัฒนธรรมมาร่วมงาน ด้วย รวมทั้งนักกีฬา Tour de France ในอดีต เช่น เรย์มงด์ ปูลิดอร์ (Raymond Poulidor) แบร์นารด์ อิโนลต์ (Bernard Hinault) ปะรำพิธีมีนักข่าวกีฬาทีวีเป็นผู้ดำเนินรายการ เชิญนักร้องนักแสดงมาร่วมด้วย นิโกเลตตา (Nicoletta) นักร้องรุ่นคุณย่ามาร้องเพลง Mamy Blues อันเลื่องลือในทศวรรษ 1970 เมื่อถึงเวลา 10.45 น. ได้ เวลาเคลื่อน caravane publicitaire ขบวนรถโฆษณาสินค้ายี่ห้อต่างๆ ที่เป็นสปอนเซอร์ การแข่งขัน บ้างทำเป็นหุ่นนักกีฬา บ้างเป็น ตัวสัตว์ซึ่งเป็นโลโกของสินค้า พนักงานประจำรถจะโยนสินค้าให้ผู้คนสองข้างทาง ใครดีใครได้ เป็นส่วนของ Tour de France ที่ครึกครื้นมาก

ใกล้เวลาปล่อยตัวนักกีฬา รถทางการสีแดงซึ่งเป็นพาหนะของประธานกรรมการจัดการแข่งขันขยับมาจอดข้างหน้า ประธานยืนขึ้นเมื่อประทุนรถเปิด เป็นผู้ให้สัญญาณการปล่อยตัวนักกีฬาแถวหน้าสุดจะเป็นตัวเต็งที่ได้เสื้อสามารถสีต่างๆ ต้องใช้ความสามารถในการจับภาพ เพราะเพียงชั่ววินาที นักกีฬาหายหมดเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม หลังจากยืนรอเป็นเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง คงเป็น Tour de France เดียวในชีวิต  



Photobucket
Tour De France


รายการแข่งขันจักรยานทางเรียบ(เสือหมอบ)ที่ยิ่งใหญ่และโหดที่สุด
จัดแข่งติดต่อกันมาร้อยกว่าปี
ปีนี้แลนซ์ อาร์มสตรองแชมป์ตูร์เดอฟรองซ์7สมัยกลับมาร่วมการแข่งขันในขณะที่มีอายุ37ปี

ถ้าชนะจะได้ชื่อว่าเป็นแชมป์ตูร์เดอฟรองซ์ที่แก่ที่สุด
เกิดวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1971 ที่มลรัฐเท็กซัส เป็นนักแข่งจักรยานชาวอเมริกัน 
เจ้าของแชมป์การแข่งขันตูร์ เดอ ฟรองซ์ ติดต่อกัน 7 สมัย ในช่วงปี ค.ศ. 1999 - ค.ศ. 2005 
และเป็นแชมป์โลก ประจำปี ค.ศ. 1993 เมื่ออายุเพียง 21 ปี
แลนซ์ อาร์มสตรอง ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่สมอง ปอด และอัณฑะ เมื่อ ค.ศ. 1996 
เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในการเอาชนะโรคมะเร็งและกลับมาแข่งจักรยานได้อีกครั้ง 
นอกจากนี้เขายังริเริ่มการออกสายรัดข้อมือ (Wristband) ที่สลักคำว่า "Livestrong" (ที่หมายความว่า มีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็ง) 
เพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งผ่าน มูลนิธิแลนซ์ อาร์มสตรอง ร่วมกับไนกี้1971 : ลืมตามาชำเลืองดูโลก เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา
1991 : เป็นแชมป์จักรยานสมัครเล่นของอเมริกา
1993 : เริ่มต้นเป็นน่องเหล็กอาชีพ ชนะเลิศรายการ ธริปต์ ดรัก ทริปเปิล ได้เงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ได้เป็นแชมป์ของอเมริกา และเข้าร่วมแข่งขันในตูร์ เดอ ฟรองซ์ เป็นครั้งแรกแต่แข่งไม่จบ 
และมาคว้าแชมป์โลกด้วยการ ชนะ มิเกล อินดูเรน จากสเปนในศึกจักรยานเวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ
1995 : ชนะรายการทัวร์ ดูปองต์ กับ รายการ คลาสสิกา ซาน เซบาส เตียน และเข้าร่วมศึกตูร์ เดอ ฟรองซ์ เป็นหนที่ 2 ได้อันดับ 36
1996 : ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง ที่กำลังลามไปทั่วร่างกาย และได้ตั้งมูลนิธิสู้โรคมะเร็ง แลนด์ อาร์มสตรอง ขึ้นมา
1997 : ใช้เวลาไปกับการรักษาโรคมะเร็ง ทั้งการฉายรังสี, การผ่าตัดสมอง และเซ็นสัญญาร่วมทีมยูเอส โพสทัล เซอร์วิส
1999 : กลับมาลงแข่งขันอีกครั้ง และได้แชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ เป็นครั้งแรก จากการชนะ 4 สเตจ
2000 : คว้าแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ สมัยที่ 2 และได้เหรียญทองแดงในกีฬาโอลิมปิก "ซิดนีย์เกมส์" 
2001 : คว้าแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ สมัยที่ 3 ติดต่อกัน
2002 : ทำสถิติเป็นมนุษย์รายที่ 4 ที่ได้แชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 4 สมัยซ้อน
2003 : คว้าแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 5 สมัยซ้อน
2004 : ทำสถิติเป็นคนแรกที่คว้าแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 6 สมัยซ้อน
2005:ทำสถิติเป็นคนแรกที่คว้าแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 7 สมัยซ้อน

ปีนี้ 2009 จะคว้าแชมป์สมัยที่8ได้หรือไม่ ต้องติดตามด้วยความระทึกในหทัยพลัน
Image: *** BESTPIX *** Le Tour de France 2012 - Stage Twenty


ผู้ชนะ Tour de France ในปี 2012

    
        Andy Schlec kนักจักรยานจาก Luxemberg ซึ่งได้ตำแหน่งรองชนะเลิศโอเวอร์ออลใน Tour de France ปี 2010โดยผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศคือAlberto Contador แต่ภายหลังถูกสั่งห้ามเข้าแข่งขันและถือว่าชัยชนะครั้งนั้นเป็นโมฆะด้วยข้อหาใช้สารกระตุ้น Clenbuterol(เคลนบูเทรอลหรือสารเร่งเนื้อแดงปนเปื้อนในเนื้อวัวที่ Contador รับประทาน) โดยเมื่อต้นปีนี้ Andy Schleckได้กล่าวกับสื่อในการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า “ถ้าผมได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ชนะโอเวอร์ออลของ Tour de France ปี2010 ผมคงไม่ดีใจเท่าไรหรอกครับ ผมได้สู้กับ Contador ในการแข่งนั้นแล้วและผมก็แพ้ไปแล้ว เป้าหมายของผมคือต้องชนะ Tour de France ด้วยการแข่งขัน และต้องเป็นที่หนึ่งจากการสู้กันในสนามครับไม่ใช่ในศาล การได้ชัยชนะในปีนี้ต่างหากผมถึงจะถือว่าเป็นชัยชนะครั้งแรกใน Tour de France”
บัดนี้ประธานกรรมการจัดการแข่งขันTour de France คือ Christian Prudhomme ได้ประกาศชัดแล้วว่าเขาจะจัดพิธีมอบตำแหน่งผู้ชนะอย่างเป็นทางการให้กับ Andy Schleck สำหรับTour de France ปี 2010 ซึ่ง Prudhomme ได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Le Soir (เลอ ซัวร์)ของเบลเยียมว่า “เราต้องประกาศให้โลกรู้ แม้เราจะรู้กันว่า Andy Schleck ไม่ได้ชนะจากการแข่งในสนามแข่งขันก็ตามครับ” สำหรับรายละเอียดของพิธีรับตำแหน่งแชมป์ของ Andy Schleck

ฤดูกาลในประเทศฝรั่งเศส

           ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนาว   ในปีหนึ่งแบ่งออกเป็น  4  ฤดู   แต่ละฤดูจะกินเวลา  3  เดือน   วันเดือนที่กำหนดว่าเป็นวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของแต่ละฤดูนั้น   จริง ๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าอากาศจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นจริง ๆ   วันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิบางปีในบางท้องถิ่นอากาศจะหนาวมากกว่าฤดูหนาวในบางถิ่น   ฤดูทั้ง  4  ของฝรั่งเศสมีดังนี้คือ

            1.  ฤดูใบไม้ผลิ   ( le  printemps )    ฤดูใบไม้ผลิเริ่มวันที่  21   มีนาคม   สิ้นสุดวันที่  21   มิถุนายน   ในฤดูนี้อากาศจะอบอุ่นขึ้น   ต้นไม้ที่โกร๋นปราศจากใบมาตลอดเวลา  3   เดือน   ในฤดูหนาวที่หนาวเย็นจะเริ่มผลิใบ   การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วมาก   ในเวลาไม่กี่วันหลังอากาศอบอุ่นต้นไม้จะผลิใบเขียวชอุ่ม   ปลายเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนอากาศจะไม่แน่นอน   ในช่วงนี้จึงยังคงเก็บเสื้อโค้ตไม่ได้เพราะอากาศจะหนาวเมื่อไรก็ได้   บางทีอาจจะมีฝนตกบ้าง   อากาศจะดีจริง ๆ  ในเดือนพฤษภาคม   ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่สวยงาม   ฟ้าจะเป็นสีฟ้าใส   พระอาทิตย์ซึ่งไม่เคยปรากฏในฤดูหนาวเริ่มส่องแสง   ฤดูนี้ได้ชื่อว่าเป็นฤดูแห่งดอกไม้แห่งงานฉลองแห่งความรัก  ( la  saison  des  fleurs,  des  fêtes,  des  amours )   มีงานฉลองมากมาย   เช่น  พิธีรับศีลจุ่ม   พิธีแต่งงาน  ฯลฯ   สำหรับนักเรียนนักศึกษา   เดือนอากาศดีนี้หมายถึงการสอบปลายปีด้วย
           แม้ว่าฤดูใบไม้ผลิจะเป็นฤดูที่ทุกคนคิดว่าเป็นฤดูที่สวยงาม   อากาศดี   แต่ก็เป็นฤดูที่อากาศไม่แน่นอน   อากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดหมาย  imprévisible   ก็ได้   แต่ฤดูใบไม้ผลิก็นับว่าเป็นฤดูที่ดีที่สุดฤดูหนึ่งของปี


           
 2.  ฤดูร้อน  ( l’été )    เริ่มวันที่  22   มิถุนายน   สิ้นสุดวันที่  22   กันยายน   ฤดูร้อนเป็นฤดูที่กลางวันยาวมาก   เมื่อกลางวันยาว   กลางคืนก็สั้นประมาณ  6 – 7  ชั่วโมง   กลางวันยาวในที่นี้   หมายความว่า   พระอาทิตย์ตกดินช้า   สามทุ่มหรือสี่ทุ่มยังไม่มืด   เมื่อไม่มืดก็มีความรู้สึกว่ายังไม่ถึงกลางคืน   ในประเทศสแกนดิเนเวียนนั้นในฤดูร้อน   กว่าพระอาทิตย์ตกดินหรือจะมืดก็ประมาณห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน   กลางคืนจะยาวประมาณ  6 – 7  ชั่วโมง    ฤดูร้อนในฝรั่งเศสอากาศร้อน   ผู้คนจึงไปชายทะเล   ฤดูร้อนเป็นฤดูแห่งวันหยุด   ผู้คนเฝ้ารอฤดูนี้เพื่อจะได้ไปเที่ยวทะเล   เพื่อจะได้อาบแดด   เพื่อจะได้รับประทานผลไม้สด ๆ  เช่น  สตรอเบอรี่   แต่ในฤดูร้อนผลไม้ยังไม่อร่อย   ต้องรอให้ผลไม้สุกเสียก่อน   ฤดูร้อนบางปีอากาศอาจจะไม่ดีฝนตกบ่อย ๆ  ฤดูร้อนที่อากาศไม่ดีเรียกว่า   été  pourri   ความหมายก็บอกว่าไม่เพลิดเพลิน   เป็น  “ฤดูร้อนที่เน่าเสีย”   คาดว่า   “été  canicule”   หมายถึงช่วงต้นฤดูร้อนที่อากาศร้อนมาก   บางเมืองอากาศจะร้อนมาก   อุณหภูมิที่สูงสุดในฤดูร้อนในฝรั่งเศสประมาณ  30  องศาเซลเซียส   ซึ่งร้อนมากสำหรับประเทศหนาว   ทำให้คนอยากไป   vacances   โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองใหญ่อย่างปารีส




  3.  ฤดูใบไม้ร่วง   ( l’automne )   ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้นวันที่  23  กันยายน   สิ้นสุดวันที่  21   ธันวาคม   อากาศที่สดใส   แดดจ้าในฤดูร้อนเริ่มเปลี่ยน   ท้องฟ้าสีเทา  ลมแรง   ใบไม้เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวมาเป็นสีเหลือง   กลางวันสั้นมากขึ้น   กลางคืนยาวขึ้น   ใบไม้สีเหลือง   แห้งและร่วง   ฤดูใบไม้ร่วงก็เหมือนฤดูอื่น ๆ  คือ  อาจจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศดี   หรือฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศไม่ดี   คือ   ฝนอาจจะตกบ่อย   ตอนต้นฤดูอากาศมักจะดี   ตอนปลายฤดู  คือ   เดือนพฤศจิกายนอากาศจะไม่ดี   ท้องฟ้าเป็นสีเทาและมืดครึ้ม   ตอนที่ใบไม้ร่วง   ต้นไม้โกร๋นเป็นตอนที่เศร้า   แต่ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยฤดูหนึ่ง   เพราะใบไม้ที่เปลี่ยนสีทำให้ฟ้าสวยงามหาที่เปรียบไม่ได้   ป่าไม้ในฤดูใบไม้ร่วง  ( ตอนต้นและตอนกลางฤดู )   จะใช้คำขยายว่า  coloré   ซึ่งหมายถึงระบายด้วยสีประดับด้วยสี  ( อันสวยงาม )   “ศิลปินมักจะให้ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยที่สุด   เนื่องจากสีใบไม้ที่เปลี่ยนสีแตกต่างกันมากมายหลายสี   ซึ่งธรรมชาติเท่านั้นจะทำได้
            ทางใต้ของฝรั่งเศสอากาศจะไม่หนาว   แต่มีลมแรง  ( mistral )  ทางใต้จึงปลูกต้นไม้ที่สู้ลมได้   เช่น  ต้นมะกอก  ( olivier )    ต้นโอ๊ค  ( chêne  vert )    และต้นไม้ที่มีรากยาว ๆ  เช่น   องุ่น
            ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่ดีที่สุดของคนบางกลุ่ม   คนฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งที่ชอบล่าสัตว์จะถือปืนออกล่าสัตว์   ฤดูนี้เป็นช่วงที่คนในประเทศหนาวสามารถอยู่กลางแจ้งได้ก่อนที่ความหนาวจะคลืบคลานเข้ามาถึง

                                      
  
 4.  ฤดูหนาว   ( l’hiver )    เริ่มวันที่  22  ธันวาคม   สิ้นสุดวันที่  20  มีนาคม   ปลายฤดูใบไม้ร่วง   กลางวันสั้นมากขึ้น   ท้องฟ้ามืดครึ้ม   ฤดูหนาวในประเทศหนาวหรือประเทศฝรั่งเศสคือ  ความหนาว   ฝนและหิมะ   แต่ฤดูหนาวก็เหมือนฤดูอื่น ๆ  คือ   เป็นฤดูที่คนบางกลุ่มเฝ้ารอ   นั่นคือผู้ที่ชอบกีฬาฤดูหนาวและผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับกีฬาฤดูหนาว   เมืองที่อยู่บริเวณภูเขาและเป็นสถานีสกี   ( Stations  de  ski )   จะคึกคักและมีชีวิตชีวา
            ฤดูหนาวเป็นฤดูแห่ง   “sports  d’hiver”   ครอบครัวหรือโรงเรียนจะพาลูก ๆ  และเด็ก ๆ  ไปเล่นสกีบนภูเขาในช่วง   vacances  de  neige   ผู้เดินทางในการขับรถที่อยู่ในเขตภูเขาที่มีหิมะตกจะต้องมี   pneus  à  clous   หรือ   roués  avec  chaine     ซึ่งเป็นยางรถที่ใช้บนถนนที่ลื่นด้วย  vergla  ( ฝนปนหิมะ )    gel  ( น้ำที่แข็งตัว )    และ   dégel  ( น้ำแข็งที่ละลายแล้ว )   นอกจากเจ้าของรถจะต้องเตรียมรถของตนให้พร้อมที่จะแล่นไปบนถนนที่อันตรายแล้ว   ทางราชการก็เตรียม  chasse – neiges  ( รถกวาดหิมะ )   เพื่อเปิดทางหากหิมะตกมาก ๆ  บนทางหลวงก็จะมีกระสอบทรายและกระสอบเกลือวางไว้ประจำ
            ฤดูหนาวเป็นฤดูแห่งงานฉลอง   จะเห็นว่ามีเทศกาลหลายเทศกาลในฤดูนี้   เช่น   Fête  de  Saint – Nicolas,  Noël,  Nouvel  An,  Fête  des  Rois,  Carnaval
            นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอากาศปานกลาง   ( le  climat  doux   et   tempéré )   ของยุโรปแล้ว   อากาศในฝรั่งเศสยังแตกต่างกันตามลักษณะภูมิประเทศ   และลักษณะที่เด่นคือ   ความไม่แน่นอน   อากาศแต่ละฤดูไม่เหมือนกัน   และฤดูเดียวกันในแต่ละปีก็ไม่เหมือนกัน